วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

Just another hottestday

Happy birthday to me completly 22


ครูในหมวด: ชื่อเย็นแล้วใจเย็นสมชื่อรึเปล่า??

Me: ไม่ค่ะ!!! ตอบเต็มปากเต็มคำ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
???: ชื่อเย็นเหรอ ใจเย็นแน่เลย

Me: ไม่ค่ะ!!! ตอบทันทีทันควัน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ครั้งแรกๆที่มีคนถามยังเคยคิดนะ ว่า เอ๊ะ!!เราใจเย็นรึเปล่า น่าจะใช่นะ เราคงใจเย็นแหละงมั้ง แต่พอมาบำเพ็ญธรรมถึงได้คำตอบให้ตัวเองกับคำถามนี้ และสามารถตอบออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ไม่!!! จริงๆแล้วเราไม่ได้ใจเย็นเลย เราโคตรจะใจร้อน ขี้หงุดหงิด โหวกเหวก โวยวาย หวายยยยยยยยยยยยยยยยย นิสัยแบบนี้ยังเป็นคนได้อีกเหรอ เมื่อก่อนไม่เคยจะคิดย้อนมองตัวเองเลยว่า เราทำอะไรอยู่,เราเป็นแบบไหน,เราทำแบบนี้ดีแล้วยังนะ,เราทำแบบนี้เห็นแก่ตัวไปมั๊ย,เราทำแบบนี้ได้เหรอ,คนอื่นทำแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องทำแบบที่เราคิด พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวาย

นี่!!!

มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ เพิ่งผ่านมา1ปีกับการบำเพ็ญธรรม จากการเขียนบล็อกที่แล้ว  การได้ทบทวนเรื่องราวของตัวเองทำให้รู้ว่าตัวเองอะไรหลาpอย่าง ตอนนี้ก็แก้อยู่ อาจจะได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ต้องขอบคุณคนรอบๆข้าง ที่ช่วยกันขุดสันดร สันดาน ถอนรากถอนโคนสิ่งที่ไม่ดีออกมา ตอนนี้ยังแซะได้แค่ราก เพราะมันฝังลึกมา22ปีแล้ว แต่เราเชื่อว่าไม่นาน เราต้องทำได้ ก็นะ!!!มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ถ้าต้องสอนคนอื่นแต่ตัวเองยังทำได้ไม่ดี (น่าน!!!โดนแซะแล้วไงหล่ะท่านผู้อ่าน)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

อีก1ปีข้างหน้านี้ เราจะต้องเป็นคุณครู เป็นคุณครูจริงๆสอนอยู่ในโรงเรียน 1ปีแหน่ะ ถ้าให้พูดตอนนี้เราก็ว่านานมากๆเลยนะ แต่ก็นะ ขนาดเรียนครู4ปี ยังแป๊บเดียว เริ่มต้นอายุ 22 ด้วยการเป็นนิสิตฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู เย่ จะสนุกสนาน โศกเศร้าเคล้าน้ำตาแค่ไหนหล่ะ บทบาทใหม่ของปณิดา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เริ่มต้นวันเกิดของตัวเองก็เริ่มเวิ่นเว้อ มโน อีกแล้วเนอะ พอก่อนดีกว่า ขอบคุณเหลาหมู่ที่ให้จิตญาณได้ลงมาบำเพ็ญอีกครั้ง ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กายสังขาร ขอบคุณพ่อแม่และทุกคนในครอบครัวที่เลี้ยงดูมา ขอบคุณแม่มากที่รักเรามาก("ถ้าลูกไปอยู่บ้านที่หาดใหญ่แม่ก็ต้องอยู่บ้านคนเดียวอีกน่ะสิ" แม่อ้อนไว้) ขอบคุณครอบครัวบำเพ็ญธรรมทุกคนที่ช่วยกันล้างสมองให้ (ล้างเอาความคิดที่ไม่ดีออกไปให้หมด ขอบคุณพระอาจารย์ที่มาอวยพรวันเกิดให้เมื่อปีที่แล้วปีนี้มาอีกก็ได้นะคะ และท้ายสุดขอบคุณคนอ่านนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ (ถ้ามีนะ me/// ไง) สวัสดีวันที่ร้อนที่สุดในประเทศไทยเมื่อ22ปีที่แล้ว

 
ดูชื่อคนร้องสิ ><///

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

หนึ่งปีแล้วกับการบำเพ็ญธรรม คุณเห็นเราเปลี่ยนแปลงไปบ้างอย่างไร???

ครบรอบหนึ่งปีแล้ว
                                                                         

   การบำเพ็ญธรรมในธรรมกาลยุคขาว ต้องรับธรรมะก่อนแล้วจึงบำเพ็ญทีหลัง แต่เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดี
มากกกก ที่ได้เริ่มบำเพ็ญก่อน ได้ฝึกพุทธระเบียบก่อนแล้วจึงรับธรรมะทีหลัง รู้สึกโชคดีจริงๆ ขอบคุณคุณแอนและฟู่ถันจู่ ที่เป็นอาจารย์นำพารับรองให้ตอนนั้น ขอบคุณโรงแรมที่ภูเก็ตและเมทผู้ร่วมประสบการณ์ห้อง607 ฟินฟิล์มและแอน ขอบคุณความทุกข์ที่พาเรามาหาธรรมะ ที่สำคัญต้องขอบคุณอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมเมตตาและฟ้าเบื้องบนที่ทำให้ผู้น้อยได้พบกับวิถีอนุตรธรรมอันล้ำค่านี้
   เราเข้ามาสถานธรรมครั้งแรกคือวันเปิดสถานธรรม ได้รู้จักกับวิถีธรรม จากนั้นจึงได้เข้ามาเริ่มเรียนพุทธระเบียบ เริ่มกินมังสวิรัติ จากคนที่ไม่เคยกินผักเลยกินแต่หมูทอด จนกลายมาเป็นคนที่กินมังสวิรัติตลอดชีวิต ลองคิดดูสิว่า ธรรมะนั้นล้ำค่าแค่ไหน ธรรมะนั้นสามารถเปลี่ยนเราได้ขนาดไหน
   ได้ลองใช้ชีวิตให้มีประโยชน์มีคุณค่า จากเดิมเรียนเสร็จแล้วกลับมานอน เช่านิยายข้างล่างหอมาอ่าน อ่านนิยายวันนึง2-3เล่ม พอลองมองย้อนกลับไปรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาได้ไร้ค่าจริงๆ

ใครจะคิดว่าจะได้เป็นพิธีกรเอก
 
ใครจะไปคิดว่าการบำเพ็ญธรรมจะมีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เคยคิดว่าบำเพ็ญธรรมต้องน่าเบื่อ เรียนธรรมะต้องน่าเบื่อ ปฏิบัติตามพุทธระเบียบยิ่งแล้วใหญ่ เพราะปกติเป็นคนชอบแหกกกกกกกก กฎ!!! แต่ไม่ใช่เลย การบำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวไม่ใช่แบบนั้น มีกิจกรรมสนุกสนานร่วมกับญาติธรรม เรียนธรรมะไปร้องเพลงไป มีการแสดงละครธรรมะ เทศกาลกินเจ งานถวนเหนียน เวลามีงานธรรมะทุกคนรวมใจกัน รู้สึกเหมือนมีครอบครัวใหม่อีกครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวที่รู้จักกันมานาน แค่รอวันที่กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่งเท่านั้นเอง
 
ซ้อมงานถวนเหนียน(ปีใหม่)
1ปีแล้วที่เข้าสู่การบำเพ็ญ 1ปีแล้วที่ได้บวชจิต 1ปีแล้วเราฉุดช่วยเวไนยไปได้แค่ไหน 1ปีแล้วที่ได้ลองฝึกตัวเอง 1ปีที่แล้วเราเป็นแบบไหน แล้วตอนนี้เราเป็นอย่างไร เราเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน เราดีขึ้นหรือแย่ลง เอ๊ะ!!! ต้องดีขึ้นสิ 1ปีแล้วกับการดำเนินงานธรรมะอันรวดเร็วไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ถึงขนาดนี้ ต้องขอบคุณอาวุโสธรรมทุกท่านที่ช่วยหนุนส่ง ขอบคุณบุคลากรฟ้าทุกๆคน และที่สำคัญอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมเมตตา ที่คอยเมตตามาตลอด
 
งานเปิดสถานธรรมที่หาดใหญ่
 
  แค่หนึ่งปีในการบำเพ็ญธรรมเทียบไม่ได้แม้แต่เศษหนึ่งเสี้ยวใดเลยของพระพุทธะทั้งหลาย เพราะฉะนั้นครบรอบหนึ่งปีที่รับธรรมะ เป็นแค่การเตือนตัวเองเท่านั้นว่า 1ปีแล้วนะ เธอน่ะบำเพ็ญธรรมไปได้ถึงไหนแล้ว??? อยากเขียนเพื่อเตือนตัวเองเท่านั้นเอง สำหรับใครที่หลงเข้ามาอ่านถ้ารับธรรมะแล้วอยากให้มาเรียนธรรมะบ้าง มาสถานธรรมบ้าง มาบำเพ็ญธรรมบ้าง หากท่านใดยังไม่ได้รับธรรมะ ลองเข้ามาศึกษาที่สถานธรรม มารับรู้สัจธรรมจริง เพื่อหลุดพ้น เพื่อกลับสู่แดนนิพพาน เราเชื่อเหลือเกินว่า คงไม่มีใครอยากจะมาเกิดในโลกอันวุ่นวายนี้อีกแล้ว ***ที่สำคัญวันที่ 18-19เมษายน 2558นี้ สถานธรรมที่หาดใหญ่(ตรงข้ามโรงเรียนญ.ส) มีการจัดชั้นมหาชาติ ทั้งหมด2วัน มีอาจารย์ถ่ายทอดเบิกธรรมและคณะเดินทางมาจากไต้หวัน เข้าร่วมชั้นและร่วมบรรยายด้วย คงจะหาโอกาสพิเศษแบบนี้ได้ยาก อยากเรียนเชิญอาวุโสธรรมทุกท่าน ทั้งญาติธรรมเก่าที่เคยรับธรรมะแล้วและญาติธรรมใหม่ที่ยังไม่เคยได้รับรู้สัจธรรมแท้ครั้งนี้มาขึ้นเรือธรรมไปพร้อมกันค่ะ***
 
 

 
  
 

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Lipe Paradise Island ความคิดเปลี่ยน...ที่หลีเป๊ะ

เปิดเพลงนี้เบาๆก่อนอ่านบล็อกแล้วไปทะเลด้วยกันนะ
                          เป็นอีกครั้งที่การออกทริปวิชาของอาจารย์ธร ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป 11-13 กุมภาพันธ์ 2557 ทริปหลีเป๊ะ ครั้งนี้ไปกับเพื่อนทั้งหมด30คน มีอาจารย์ผู้ดูแลที่แสนน่ารักและใจดี2คน คืออาจารย์ธรและอาจารย์เกร็ดทราย เริ่มต้นออกเดินทาง8โมงเช้าจากม.ทักษิณ ไปถึงท่าเรือปากบาราประมาณ11โมง เรานี่รีบกินยาเมาเรือเพราะกลัวเป็นแบบตอนไปมาเก๊า ที่ปวดหัวตลอดทาง ทำให้เที่ยวไม่สนุก ปรากฎว่า น๊อคยาเมาเรือพอถึงที่พักบนหลีเป๊ะหลับเป็นตาย.... โดยมาค้นพบความจริงทีหลังว่า ไม่กินยาเมาเรือจะดีกว่า
เกาะตะรุเตา

ก่อนจะถึงหลีเป๊ะเราได้แวะเกาะตะรุเตากับเกาะไข่ ก่อนไปตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเกาะตะรุเตาเพราะเคยดูหนังจากช่องThaipbsและอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เรื่องที่เกาะนี้เคยเป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองมาก่อน และยังเป็นที่กำเนิดพจนานุกรมจาก สอ เศรษฐบุตรอีกด้วย ปรากฎว่าพอไปถึง มึนยาเมาเรือมาก แล้วคนเรือยังให้เวลาแค่15นาทีอีกเลยได้แค่เดินสักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตาและเดินเล่นหน้าหาดเท่านั้น 

มาที่จุดพีคที่ดีกว่า จุดพีคของทริปนี้คือการดำน้ำดูปะการัง เราที่ว่ายน้ำไม่เป็นและกลัวน้ำอย่างถึงที่สุดแถมสายตาสั้นตั้งใส่แว่นอีกต่างหาก แต่อยากดำน้ำกับเค้าบ้าง ทริปนี้ดำน้ำทั้งหมด3จุด เราได้ลงแค่จุดเดียว แถมยังเป็นจุดที่น้ำแรงที่สุดน้ำเชียวที่สุด เหนื่อยที่สุดอีกด้วย

เริ่มต้นที่เกาะหินงาม หินงามสมชื่อจริงๆ ที่ๆนักท่องเที่ยวจะไปซ้อนหินแล้วอธิษฐานกัน ตอนนี้มีกฎห้ามซ้อนหินแล้ว เพราะเมื่อซ้อนหินแล้วทำให้หินแตกและทำให้ทัศนียภาพไม่สวยงาม เรานี่เพิ่งอ่านรีวิวไปเลยว่าต้องเรียงหิน12ก้อนแล้วอธิษฐาน อดสิครับ!!! นอกจากอดเรียงหินแล้วยังโดนหินบาดอีก ขอขนานนามเกาะแห่งนี้ใหม่ว่า ''เกาะหินบาด'

จุดเกิดเหตุ
เจ็บเลย















จุดดำน้ำแรกอยู่ใกล้ๆกับเกาะหินงาม เป็นจุดเริ่มต้นของการดำน้ำ ดำแค่ผิวน้ำเพราะตื้นและดำง่ายเหมาะแก่การเริ่มต้นกิจกรรมเริ่มต้นดำน้ำของวัน เรานี่เพิ่งโดนหินบาดมาแส๊บบบบ แสบ อดลง ได้แค่ดูเพื่อนแหวกว่ายน้ำใส๊สสส ใสอยู่บนเรือ

เลือดไหลไม่หยุดต้องอุดไว้
จุดดำน้ำที่2 ร่องน้ำจาบัง น้ำลึกมาก ปะการังสวยมาก (เพื่อนบอกมา) แน่นอนว่าอดลง เมื่อเพื่อนๆดำน้ำกันอย่างสนุกสนานเสร็จ ก็ถึงเวลาข้าวเที่ยงพอดี เราไปกันที่เกาะอาดัง-ราวี ระยะทางค่อนข้างไกลพอสมควร ระหว่างกินลมชมธรรมชาติก็คิดขึ้นมาได้ว่า

'นี่คิดมาตลอดว่าตัวเองชอบเที่ยวในเมือง ชอบความศิวิไลซ์ จนวันนี้ล่องเรือรอบเกาะหลีเป๊ะ ไปตามจุดดำน้ำต่างๆ ถึงแม้จะเจ็บตั้งแต่ที่แรกที่ไป 'เกาะหินบาด' เอ๊ย!! ไม่ใช่ เกาะหินงาม จุดดำน้ำข้างเกาะหินงามและร่องน้ำจาบังซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปก็ไม่ได้ลง แต่ยังนั่งฟินอยู่บนเรือได้ ระหว่างทางในทะเล สวยงาม มองไปสุดลูกลูกตา ไม่มีเบื่อ ไม่เหมือนในเมืองมองไปไหนก็เห็นแค่ตึก รถราผู้คนวุ่นวาย ชอบธรรมชาติแบบนี้ ไม่คิดว่าหลีเป๊ะ จะทำให้ความคิดเปลี่ยนขนาดนี้ ตอนนี้เรือกำลังมุ่งไปเกาะราวี เพื่อทานข้าวเที่ยง ที่สำคัญรีสอร์ททำกับข้าวมังสวิรัติให้ด้วย #ดีจริง ข้าวกะเพราเห็ดกับเพื่อนๆ ท่ามกลางหมู่เกาะ น้ำทะเลใสๆ สีงี้ไล่ระดับ หาดทรายสีขาวละเอียด นุ่มเท้า อะไรจะสุขใจไปกว่านี้ 12.02 12/02/2558'


นี่ถ้าเก่งกว่านี้เกิดเป็นนิราศหลีเป๊ะแล้ว5555 เมื่อได้ใช้เวลาอยู่กับทะเลทั้งวันทำให้เพิ่งรู้ตัว ว่าจริงๆชอบแบบนี้มากกว่าจริงๆ เรากินข้าวถ่ายรูปพักผ่อนกันที่เกาะอาดัง-ราวีอยู่น๊านนนนน นานนนน แต่ฟินมาก เพราะทะเลสวย น้ำใสจริงๆ
with my buddy

3สตรีศรีฝอถังที่เกาะอาดังราวี
หลังจากออกจากเกาะอาดัง-ราวี ก็ไปถึงจุดน้ำจุดที่3 เรานี่ดีใจมากกกก เพราะเลือดเริ่มหยุดแผลเริ่มหายแล้ว จะได้ลงน้ำกับเพื่อคนอื่นเค้าบ้าง ปรากฎว่าหายใจทางสนอกเกิลไม่เป็น ลำบากมากเลยทีเดียว ขอบคุณฟินฟิล์มพาลากไปทั่วทะเล รู้ตัวอีกที ออกห่างจากเรือมามาก หมดแรงที่จะดำน้ำต่อแล้ว ขอกลับดีกว่า ตอนมานี่รวดเร็วทันใจ แต่ขากลับนี่ทำไมว่ายไม่ไปซักที ต้องขอบคุณ และขอโทษฟินฟิล์ม ที่ทั้งลาก ทั้งฉุด ทั้งดึง กลับไปถึงกับน็อคเลยทีเดียว ขอบคุณป๊อบที่มาช่วยอีกแรงขาเกือบเป็นตะคริวเลยทีเดียว ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ กราบบบบบบบบบบบบ

'14:37 1ช.มพอดี ลงดำน้ำครั้งแรกที่เกาะยาง ไม่หรอก จริงๆต้องเรียกว่าเกาะฟิล์ม เพราะเกาะฟิล์มตลอดทาง ต้องขอบคุณป๊อบอีกแรงที่ช่วยพาน้องโวยวายกลับมาส่งที่เรือจนได้ ป๊อบกับฟิล์มต้องเหนื่อยมากมายจริงๆ ขอบคุณ'

เป็นอีกครั้งที่หลังจากกลับจากกทริปอาจารย์ธรแล้วต้องกลับมาเขียนบล็อก ขอบคุณพี่เติ้ลผู้จัดทริป ต้องหัวหมุนจัดการทุกๆอย่าง เก่งมากๆ ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณเพื่อนๆที่ทำให้ทริปนี้สนุกสนาน ได้ประสบการณ์ใหม่และได้ใช้เวลาร่วมกัน ขอบคุณทะเลสตูลที่ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป ครั้งหน้าถ้าจะจัดทริปคงนึกการเที่ยวธรรมชาติเป็นอย่างแรก
เอเลี่ยนปะทะโปรเฟสเซอร์

คนสวยหน้าเกาะ

ED.ENG