วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ใหม่ โหด มันส์ หลอน

7/12/13 ทริปภูเก็ตกับอ.ที่ปรึกษาสุดหล่อ คิดว่าจะจนจำทริปนี้ไปอีกนาน เพราะอารมณ์พีคหลายตอน สมองคงจะบันทึกไว้ในความจำระยะยาวกับทริปกับเพื่อนศึกษาศาสตร์เอกภาษาอังกฤษครั้งแรก
ส่วนของเรื่องเที่ยวเนี่ย ดองไว้ในครั้งต่อไปดีกว่า เพราะมีเรื่องที่แซ่บกว่านั้นจะนำเสนอ(เอ๊ะ...แซ่บเหรอ)
     เข้าเรื่องของเราซักที เรื่องที่จะเล่าคือประสบการณ์หลอนของเราครั้งแรก ที่สัมผัสได้ ได้ยิน ได้กลิ่น ต้องขอบคุณ my budder & roomate มิซากิ37(นามสมมติ) และ my buddy แสนน่ารักของเรา (ยังอยากได้หนังสือธรรมมะอยู่นะ กิกิ)ที่ร่วมด้วยช่วยกันกลัว ร่วมกันปิด เพราะกลัวว่าเราจะหลอน ช่วยกันทักจนรู้สึกได้ไปพร้อมๆกัน อุ...ต๊ะ ขนลุกอ่ะ
     วันแรกของทริปภูเก็ตเราไปถึงโรงแรมประมาณทุ่มกว่า โรงแรมที่เราไปพักมีขนาดใหญ่ 18ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ก่อนไปเราก็เช็ครีวิว ในพันดริฟเรียบร้อยว่าโรงแรมเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า ไม่มีสายฉีด อีกแล้วเหรอ??? พอไปถึงเราก็ให้รูมเมทไปหยิบกุญแจมาจากอ.ที่ปรึกษา เธอหยิบชั้น6มาหมดเลยจ้า เอามาแจกจ่ายกัน เพื่อที่พวกเราจะได้อยู่ชั้นเดียวกัน ห้องใกล้ๆกัน สะดวกสบาย และอุ่นใจที่มี pink lady (นามสมมติ) มาอยู่ชั้นเดียวกับเราด้วย เลยสบายใจ
บ่องตงแค่เห็นรูปยังหลอน

    มิซากิไขกุญแจเข้าไปเสียบคีย์การ์ด ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างทำงาน เราไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่เข้าไป รอให้ไฟทุกอย่างติดหมดแล้วเข้าไป เลือกเตียงฝั่งติดกับหน้าต่าง วางของกระจัดกระจายตามสไตล์ของเรา555 ซักพักนึงบัดดี้เราก็เข้ามาในห้อง บอกว่าขอมานอนด้วยดีกว่า ห้องเดิมรู้สึกไม่ดี ไม่ปลอดภัย บัดดี้บอกว่าห้องนี้ดีรู้สึกอบอุ่นดีเนอะ ทำให้เราสบายใจว่า ห้องนี้สงสัยอบอุ่น แต่ที่ไหนได้ อบอุ่นจนร้อนกันเลยทีเดียว
 "เรื่องเกิดตอนที่เราเข้าไปฉี่แล้วชักโครกกดไม่ลง(ดีนะที่แค่ฉี่) มิซากิมาช่วยก็ไม่ได้ เลยคิดว่าจะย้ายห้องกัน ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าจะย้ายห้องเพราะห้องน้ำ ไม่ได้คิดเรื่องอย่างอื่น แต่พอนั่งไปซักพัก พวกเรา3คน ก็ได้ยินเสียงมาจากในห้องน้ำ เสียงครืดๆ เสียงกดชักโครก(โอย...พิมพ์ไปสั่นไป) มิซากิช่วยเรียกสติเราว่า ไม่หรอก สงสัยคงเป็นเสียงจากข้างห้อง ซักพักให้บัดดี้ไปปิดประตูห้องน้ำ บัดดี้ยังไม่ทันเข้าไปปิด เสียงประตูห้องน้ำดังเอง เอี๊ยด อ๊าด 2-3ครั้ง เอิ่มมมมมม จากตอนแรกที่มีเราคนเดียวที่กลัว บัดดี้เราก็กลัวไปด้วย มิซากิทักขึ้นมาอีกว่าได้กลิ่นอะไรมั๊ย เอิ่มมมมม ตอนแรกก็ได้กลิ่นนะ แต่ไม่ได้บอกใคร พอมิซากิทักปุ๊บกลิ่นมาเลยค่ะมาเต็ม คืออยู่ไม่ไหว บอกเลยว่าตอนนั้นสติแตกมาก แต่ดีที่นัดกับเพื่อนลงไปกินข้าวพอดี เลยได้ออกจากห้องนั้น หลังจากกินข้าวพวกเรา3คนกลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง บอกตรงๆว่าหลอน ไม่กล้าหันไปทางห้องน้ำ แล้วเตียงเราติดกับหน้าต่าง มิซากิเปิดหน้าต่างไว้ เราก็ไม่กล้าหันไป จนมิซากิต้องมาปิด กระจกที่อยู่ปลายเตียงเราก็ช่วยกันเอาเสื้อคลุมมาปิดให้หมด ตอนนั้นเราไม่กล้าแตะพื้นในห้องนั้นเลย กลัวมากกก เราทำทุกอย่างทั้งแผ่เมตตา ทั้งวางเหรียญ แต่มันรู้สึกอะไรซักอย่างตลอดเวลา จนประมาณ5ทุ่ม พี่พิงค์เลดี้โทรหาเราให้ไปนอนจ้า ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรไปแต่ตัวเฉยๆ จะให้พี่พิงค์มาช่วยไหว้ช่วยขอ แต่เมื่อพี่พิงค์เข้าไปในห้อง บอกให้พวกเราขนของไปนอนกับแกดีกว่า ซึ่งหมายความต้องนอนกันทั้งหมด5คน ตอนนั้นจะยังไงก็ยอม ของที่เราตั้งรกๆ เราสามารถเก็บได้อย่างรวดเร็ว ฮาตรงเสื้อคลุมของเรา3คนที่คลุมกระจกไว้นี่แหละ มันไม่ยอมออก พอเก็บของเสร็จก็รีบวิ่งไปห้อง611 เราถามพี่พิงค์ว่าตกลงห้องนั้นมีอะไร "นั่งกระดิกขาต้อนรับพี่อยู่บนเตียงเลย" คำนี้ยังก้องอยู่ในหัวเราจนถึงตอนนี้ ตอนนั้นขนหลังลุกเกรียวทำอะไรไม่ถูก กลัวมากจริงๆ สติหลุดไปแล้ว บัดดี้ก็ร้องไห้เพราะสัมผัสได้เหมือนกัน ส่วนมิซากินั้นรู้แต่ไม่ยอมบอก"
  เราไม่คิดนะว่าเราจะได้มีประสบการณ์แบบนี้กับเค้าด้วย มิซากิบอกว่าคงเป็นคราวเคราะห์ของเรา แต่การมีประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เราหันมามองตัวเองใหม่ เราเปรียบเสมือนคนไม่มีศาสนา ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจเลย มิซากิบอกว่าไหว้ไปแต่ใจไม่ศรัทธาก็ไม่ช่วยอะไร เราเลยจะเริ่มอ่านหนังสือธรรมะแล้วหล่ะ พอไปวัดฉลองก็เสี่ยงเซียมซีได้ว่าถ้าคิดจะเปลี่ยนอะไรในตัวเองจะเปลี่ยนได้ ซึ่งตรงกับที่เราคิดไว้มากกก เราเลยไปเช่าพระ น้องบอกว่าทำพิธีแล้วให้เอาไว้ใต้หมอนได้เลย
     ขอบคุณทริปนี้ที่ทำให้มีประสบการณ์ใหม่อีกด้านพร้อมทั้งเปลี่ยนเราให้หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ศรัทธา และมีสติ
สวยๆที่เขาขนาบน้ำมีเจ้พิงค์เลดี้ด้วยลงได้ชิมิ