วันที่11 เม.ย วันนี้ต้องเจอกับเพื่อนๆ ที่วิดทะยาไลสุดสะกะและได้เที่ยวในเวียงจันทน์ ทุกคนตื่นเต้นมาก รีบตื่น เพราะอยากเจอกับเพื่อนๆแล้ว
 |
| พร้อมแล้วๆ |
พอถึงเวลานัด ขึ้นไปนั่งบนรถบัสของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว สรุปว่ารถเสียค่ะ ต้องไปกับรถจัมโบ้
คล้ายตุ๊กๆ3สามล้อ ลุงขับซิ่งมาก แต่ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ไปถึงวิทยาลัย ทางวิทยาลัยต้อนรับเราด้วยอาหารเช้า เย่ๆๆ มีทั้งสไตล์ฝรั่ง คือ ขนมปัง เนย แยม ไข่ดาว ไส้กรอก และสไตล์ลาวนั่นก็คือ ข้าวเปียก จะได้ชิมอาหารลาวจริงๆมือแรกแล้วจ้า
ข้าวเปียก-อาหารลาวมื้อแรก ชามใหญ่บิ๊กเบิ้มมาก เลยยกมา1ชาม กินกัน4คน เริ่มจากลองชิมน้ำซุปก่อน คือหอมเจียว
จัดเต็มมาก เจ้มจ้นเกิ๊น(เค็มไปหน่อย)โต๊ะข้างๆใส่น้ำปลาไปแล้ว เตือนไม่ทัน เนื่องจากใส่น้ำมันหอมเจียวมากเลยกิน
คล้ายราดหน้า เส้นก็คล้ายๆก๋วยจั๊บ สรุป ให้ผ่านค่ะ 555
กินข้าวเช้าเสร็จแล้วได้เวลาขึ้นไปห้องประชุมแล้ว ห้องประชุมอยู่ชั้น6ค่ะ ลิฟท์ขึ้นได้ครั้งละ 10คน เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา และย่อยอาหารเช้าไปในตัว พวกเราเดินค่า เดินขึ้นชั้น6 ระหว่างเดินขึ้นหอประชุมก็ผ่านห้องเรียน ซึ่งเป็นห้องกระจก เรากับนักเรียนลาวก็ได้สบตากัน555 เค้ามองด้วยความสงสัยและคิดในใจว่า ใครวะ? เมื่อขึ้นถึงห้องประชุมก็ไปนั่งที่ที่เตรียมไว้ให้ นักสึกสาลาวฝั่งซ้าย นิสิตไทยฝั่งขวา ระหว่างรอพิธีการก็ทำการสำรวจนักสึกสาลาวกันไป(อย่างรักษาจริต55)

เมื่อถึงเวลาก็มีพิธีกรนักสึกสาของวิดทะยาไลสุดสากะ อ้ายต้นสุดหล่อกับเอื้อยเก๋สุดสวย ทำหน้าที่พิธีกรค่ะ เราก็ได้ฟังพาสาลาวแบบจริงจังใช้ในพิธีการก็ฟังรู้เรื่องนะดีใจ จากนั้นผู้อำนวยการและดร.สุดสะกะก็มาพูดเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของนักสึกสาลาวและนิสิตไทย ดร.สุดสะกะบอกว่า วิดทะยาไลนี้เคยไปเรียนรู้งานที่ราชภัฎอุดรฯ แต่เนื่องจากวัฒนธรรมคล้ายกันเลยอยาก"พัวพัน"กับมหาวิทยาลัยทางใต้มากกว่า ชอบแนวคิดของดร.สุดสะกะมาก อีกอย่างคือที่วิดทะยาไลนี้อาจารย์จะอายุต่ำกว่า40ปีเพื่อให้มีแนวคิดที่"คือกัน" หลังจากดร.สุดสะกะพูดจบก็มีกิจกรรมละลายพฤติกรรมนักสึกสาลาวและไทย
 |
| รูปจากอ.กฤษณพล |
กิจกรรมละลายพฤติกรรมทำให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนลาว ได้แนะนำตัวกันครั้งแรก ตื่นเต้นๆ (ในรูปนี้มีนักสึกลาว3คน) เป็นเกมส์ที่เรียกเหงื่อได้ไม่น้อยนั่นคือต้องหาคนให้ครบตามจำนวนและต้องมีทั้งไทยและลาว กลุ่มในขาดหรือเกินก็ต้องโดนทำโทษด้วยการเต้นไป นอกจากจะได้เล่นเกม เต้น แล้วยังได้ให้เพื่อนลาวเขียนชื่อเราเป็นภาษาลาวในป้ายชื่อ ส่วนเพื่อนลาวก็ให้เราเขียนชื่อเค้าเป็นภาษาไทย รู้สึกเสียใจ ลายมือไม่สวย T T จากการเล่นเกมก็ทำให้รู้จักสาวสวย"มีนา" ที่กล้าแสดงออกและโดดเด่นมาก (ตอนหลังจะได้ไปบ้านมีนาด้วย...รอตอนต่อๆไปนะจ๊ะ)
หลังจากเล่นเกมและได้ทำความรู้จักกันนิดหน่อยอาจารย์ก็ได้ทำการแบ่งกลุ่ม เป็น10กลุ่ม ซึ่งเราได้อยู่กลุ่ม9 มีพี่ท๊อป,พี่ย๊ะ,จ๋า,เราและเพื่อนลาวอีก2คน คือเกดและเดด (เสียดายไม่มีรูปหมู่เพราะเฟสบุ๊คพี่ท๊อปโดนแฮ็คไปแล้ว)
พี่ท๊อปตากล้องของกลุ่มเรา คณะศิลปกรรมศาสตร์หลักสูตรดุริยางคศาสตร์สากล(มาเต็ม)เอกกีต้าร์นะถ้าจำไม่ผิด วิชาโท นิเทศศาสตร์ พี่ท๊อปละเอียดมาก อยากให้กลุ่มเราได้รูปที่แตกต่าง สิ่งที่พี่ท๊อปต้องการในทริปถ่ายรูปคือ วิถีชีวิต
พี่ย๊ะ คณะมนุษย์ศาสตร์ วิชาเอกภาษาอังกฤษ พี่ย๊ะเป็นสีสันในทริปนี้มากด้วยคำฮิตติดปาก"พี่ชาย"555 ช่วยทำให้การถ่ายรูปสนุกสนานมาก ด้วยการยิงมุกกับพี่ท๊อปไม่หยุด
เรา2คนค่า เย็นกับจ๋า คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกภาษาอังกฤษ หน้าที่ในทริปนี้คือเที่ยว เม้าท์มอย
และคอยยืนกันพี่ท๊อป (กลัวคนเหยียบ) เพราะท่าถ่ายรูปพี่ท๊อปนั้นเสี่ยงมาก ทั้งนั่ง ทั้งนอน กลัวคนเหยียบจริงๆ
เกดและเดด (ข้างๆเดดฝั่งซ้ายนั่นใครน่ะ) เดดทำหน้าที่เป็นตากล้องอีกคนนึงของกลุ่ม ส่วนเกดก็ช่วยเดดถ่ายรูป และคอยอธิบายสถานที่ ที่เราไปเที่ยวกัน 2คนนี้สนิทที่สุดแล้วในเพื่อนลาวเพราะอยู่ด้วยกันทั้งวัน ดีใจมากที่ได้รู้จักเพื่อนทั้ง2คน
หลังจากวางแผนการถ่ายรูปแล้วเราก็ลงมากินข้าวเที่ยงที่วิดทะยาไล มีแกงจืดสาหร่าย ไก่ผัดขิง ซดแกงจืดเกลี้ยงถ้วยค่ะ เพิ่งรู้ว่ามีวายฟายใช้ฟรีก็ตอนที่กินเสร็จพอดี ยังไม่ได้ต่อเลยอาจารย์เรียกขึ้นรถซะแล้วสุดท้ายอยากต่อวายฟายดีนัก รถไม่พอ ต้องเดินเลย T T
 |
| หน้าตายังระรื่นอยู่-ด้านหลังเป็นวิดทะยาไล cr.film |
และแล้วเราก็เจอแล้วค่ะสิ่งที่น่ากลัวอีกอย่างนึงของลาวนั่นก็คือฝุ่น ควัน จากดินแดงนั่นเอง เดินไปต้องปิดจมูกไป เพราะฝุ่นเยอะมาก การเดินกลับที่พักทำให้รองเท้ากัด ต้องใส่เกิบ(รองเท้า)แตะและเจ็บเท้า ไปตลอดทริป แต่ไม่เป็นไรเราสู้ค่าาาา ตอนต่อไปจะเป็น one day trip in Vientiane แล้ว อย่าลืมติดตามนะคะ